
เพื่อน ๆ เคยรู้จัก อาการ "กระเพาะอาหารอ่อนแรง" ไหมคะ?
ดิ อโรคยา ได้ให้ความหมายของอาการ "กระเพาะอาหารอ่อนแรง" ว่าหมายถึงอาการต่าง ๆ ที่เกิดจากการที่กระเพาะอาหารไม่สามารถย่อยอาหารได้สมบูรณ์ ถ้าเป็นภาษาทางการแพทย์แผนไทยจะเรียกว่า "ธาตุในกระเพาะอาหารหย่อนหรือพิการ" ทำให้เกิดอาหารตกค้างในลำไส้ หมักหมมตกค้างในร่างกาย อันเป็นสาเหตุให้เกิดลมและแก๊สที่เป็นพิษต่อร่างกาย (Toxin)
ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมการทานอาหารที่ไม่เหมาะสม เช่น
1. ไม่ทานอาหารมื้อเช้าที่มีสารอาหารเพียงพอ เช่น ดื่มชา กาแฟ หรือทานขนม แทนอาหารหลัก
2. ทานอาหารไม่ตรงเวลา หรือบางคนใช้วิธีอดอาหาร ทานน้อยเกินไปเพื่อลดน้ำหนัก
3. ดื่มน้ำเยอะเกินไปในระหว่างทานอาหาร หรือทานอาหารที่มีฤทธิ์เย็นเกินไป
4. ในกรณีของผู้สูงวัย อาจเกิดจากการทานอาหารรสจืดนานเกินไป หรือทานอาหารอ่อน ๆ ที่ไม่ได้เคี้ยวเป็นเวลานานเกินไป ทำให้การทำงานของกระเพาะอาหารอ่อนกำลังลงไปด้วย
สาเหตุเหล่านี้ทำให้การย่อยอาหารไม่มีประสิทธิภาพ และเกิดอาการต่าง ๆ เช่น มีลมในกระเพาะอาหารมาก ท้องอืดแน่นเฟ้อ จุกแน่นหลังทานอาหาร แม้บางมื้อจะไม่ได้ทานอะไรมากก็ตาม หรือทานอาหารที่ดี มีคุณค่าทางอาหารสูงเป็นประจำ แต่รู้สึกร่างกายยังอ่อนเพลีย ง่วงนอนทั้งวัน อยากทานอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลอยู่ตลอด
อ้าว! แบบนี้แล้วจะทำยังไงดีล่ะ ไม่ต้องกังวล เขามีวิธีแก้ไขมาฝากด้วยค่ะ
1. ทานอาหารให้ตรงเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งมื้อเช้า ควรทานอาหารที่มีสารอาหารค่อนข้างครบถ้วน และควรทานมื้อเช้าในเวลา 7-9 โมงเช้าจะดีที่สุด
2. เคี้ยวอาหารช้า ๆ และเคี้ยวนาน ๆ เพราะนอกจากจะทำให้ย่อยง่าย ช่วยให้ท้องไม่อืดเฟ้อแล้ว ขณะที่เราเคี้ยวอาหาร ร่างกายจะส่งสัญญาณไปที่กระเพาะอาหารให้หลั่งเอนไซม์ช่วยย่อยออกมาด้วย
3. ไม่ดื่มน้ำมากขณะทานอาหาร เพราะจะทำให้น้ำย่อยเจือจาง
4. ทานอาหารรสเผ็ดร้อน (อาหารฤทธิ์ร้อน) บ้างในบางมื้อ เพื่อช่วยเพิ่มธาตุไฟ ช่วยให้กระเพาะอาหารทำงานได้ดีขึ้น
5. ไม่ทานอาหารมื้อเย็นดึกเกินไป เพราะน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเหลือน้อย
รู้อย่างนี้แล้ว เรามาปรับพฤติกรรมเพื่อหลีกเลี่ยงอาการ "กระเพาะอาหารอ่อนแรง" กันดีกว่าค่ะ
ข้อมูล : หนังสือ "ใครไม่ป่วยยกมือขึ้น" ตอน คู่มือบำบัดโรค
ภาพประกอบ : www.thearokaya.co.th